วันนี้ ผมได้พบกับผู้บริหารการศึกษาจำนวนสองร้อยกว่าคน
ไปพูดคุยกันในหัวข้อวิทยาการสมอง
สิ่งหนึ่งที่ผมพบ คือ คุณครูมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสมองอยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากข้อมูลที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย
เช่น ความรู้ว่าการฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย การนอนหลับให้เพียงพอ อาหารจำพวกปลา ดีกับสมอง
เราฝึกหายใจกันด้วยนะครับ
ผ่อนลมหายใจออกให้ยาวโดยรู้ตัว
ปล่อยลมหายใจเข้าให้ไหลเข้าไปเองแบบสบายๆ
ใช้การนับเลข ช่วยกำหนดจังหวะ
แบบง่ายๆ ก็ "หายใจเข้า นับ 1 2 3 หายใจออก นับ 1 2 3 4"
พอจับจังหวะได้ ก็ไม่ต้องนับเลขก็ได้
ลองดูนะครับ
ใครที่ทำไม่คล่อง ให้ลองฝึกยกมือทั้งสองข้างขึ้น
ในจังหวะหายใจเข้า เอามือลงช้าๆ ในจังหวะหายใจออก
ทุกคนรู้สึกได้ว่า การยกมือขึ้นลง มีผลต่อจังหวะการหายใจ
คุณครูท่านหนึ่ง ถามว่า ทำไมเวลาทำงานมากๆ จึงหิว
ผมแยกออกเป็นสองประเด็น
อย่างแรก ถ้าเป็นเวลากลางวัน
เมื่อเราทำงานก็ต้องใช้พลังงาน
เราหิวเพราะร่างกายต้องการพลังงาน
แต่หากเป็นกรณีกลางคืน จะต่างไป
เพราะเวลาที่เรานอนดึก อดนอน
ฮอร์โมนการนอนจะรวน ฮอร์โมนการกิน จะกระตุ้นให้เราหิว
เราจะกินเกิน และอ้วนได้ง่าย
หากจำเป็นต้องทำงานดึก
ก็ควรมีอาหารว่างที่ดี
สำหรับผม ก็อาศัยกล้วยที่วางไว้ในห้องครัวนี่แหละครับ
ระวังอย่าเผลอใจไปหยิบของขบเคี้ยว
ประเภทขนมกรุบกรอบก็แล้วกัน
ดีที่สุด คือ อย่าซื้อมาวางไว้ในบ้านเลย
มีคำถามส่งเข้ามาเพียบครับ
เพราะผมให้แต่ละคนส่งคำถามมาก่อนจะเริ่มคุยกัน
ไว้ผมจะค่อยๆ นำมาตอบในนี้นะครับ
เผื่อท่านอื่นจะมีคำถามที่อยากรู้คล้ายกัน
แถมให้หนึ่งคำตอบครับ
"หากนอนไม่พอ การนอนชดเชยจะช่วยทดแทนได้หรือไม่"
คุณคิดว่าไงครับ ชดเชยได้หรือไม่
ถ้าเคยมีประสบการณ์จะรู้ว่า พอจะชดเชยได้
แต่ไม่ดีเท่ากับการนอนพอตั้งแต่แรก
ในทางวิชาการ เราสามารถนอนตุนไว้ล่วงหน้า
ก่อนช่วงเวลาที่อาจจะต้องอดนอน
หรือนอนชดเชย เมื่อมีเหตุให้ต้องอดนอนไปแล้ว
หรือไปชดเชยในวันหยุด
ก็ยังดีกว่าไม่ได้ชดเชยครับ
ช่วงเวลาที่คนเรานอนหลับ โดยเฉพาะในเด็กๆ
คือ ช่วงเวลาที่สมองจะสร้างความทรงจำระยะยาว
อยากเรียนรู้ได้ดี ก็ต้องนอนให้พอ
ไม่งั้น ข้อมูลที่ผ่านเข้ามา จะไม่ได้เปลี่ยนเป็นความจำระยะยาว
ผ่านเข้ามา ก็ผ่านออกไป
ว่าแล้ว ก็ถึงเวลาที่ควรไปนอนกันได้แล้วละครับ